ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพแต่ละบุคคล และวัตถุประสงค์ในการทาน
ยกตัวอย่าง
- กรณีที่ 1.) มีปัญหาสุขภาพกระดูกและข้อ เช่น ปวดกระดูก, ปวดข้อ, ปวดเข่า กระดูกเสื่อม ,กระดูกพรุน ,กระดูกบาง ,กระดูกหัก เป็นต้น
ระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนคือ 1-3 เดือน และหลังจาก 3 เดือนแล้ว อาการปวด อักเสบ ลดลงชัดเจน สามารถทานเพื่อบำรุงกระดูกและข้อได้ทุกวัน เนื่องจากเป็นสารสกัดจากอาหารธรรมชาติ
แต่สำหรับบางท่าน เห็นผลลัพธ์ที่ดีเมื่อทานเพียง 1-2 สัปดาห์ ได้ ทั้งนี้มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยให้เซลล์สร้างกระดูก (osteoblast) ทำงานได้ดี และลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก(osteoclast) , การทานอาหารถูกสัดส่วน ครบ 5 หมู่, การพักผ่อนเพียงพอ เป็นต้น
- กรณีที่ 2.) ต้องการบำรุงหรือเพิ่มความแข็งแรงของสุขภาพกระดูก ฟัน และข้อต่อ ตรงนี้อาจวัดผลไม่ได้เรื่องความเจ็บปวดที่ลดลง แต่วัดผลเป็นภาพรวมว่าไม่มีปัญหาสุขภาพกระดูก ฟัน ข้อต่อ สามารถทำกิจกรรมต่างๆที่ใช้ร่างกายได้ดี
ช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้หรือไม่ ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า ความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone mineral density = BMD) นั้น มาจากการวัดปริมาณของแคลเซียม ในกระดูก
ดังนั้น Enel calmag เพิ่มมวลกระดูกได้ดี เพราะเป็นแคลเซียมที่มีการดูดซึมได้ดี ไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย (แตกต่างจากแคลเซียมรุ่นเก่า ที่ดูดซึมน้อย) ทำให้ร่างกายนำแคลเซียมเข้าสู่กระดูกได้มากกว่า ประกอบกับใน Enel calmag มีสารอาหารอื่นๆ รวม 13 ชนิด ที่ทำงานเสริมประสิทธิภาพของแคลเซียมตรงตามงานวิจัยสากล
ทั้งนี้คุณลูกค้าต้องไม่ลืมว่า ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อมวลกระดูกด้วย เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม จะช่วยให้เซลล์สร้างกระดูก (osteoblast) ทำงานได้ดี และลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก(osteoclast) , การทานอาหารถูกสัดส่วน ครบ 5 หมู่, การพักผ่อนเพียงพอ เป็นต้น
แนะนำ ทานได้ค่ะ ขนาดรับประทานสำหรับเด็ก ใช้หลักทางการแพทย์ ดังนี้
- อายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป ทานวันละ 1 เม็ด
- อายุต่ำกว่า 12 ปี แต่น้ำหนัก28 กิโลหรือมากกว่า ทานวันละ 1 เม็ด
- อายุต่ำกว่า 12 ปี น้ำหนักต่ำกว่า 28 กิโลกรัม ทานวันละ ครึ่งเม็ด
สำหรับเด็กเล็ก หรือเด็กที่กลืนยาก แนะนำการหักแบ่งเม็ด โดยนำเม็ดจุ่มน้ำสะอาดเพื่อให้นิ่ม หักง่ายขึ้น แล้วอาจบดเม็ดก็ได้ รสชาติไม่ขม ผสมน้ำผลไม้ หรือนม เพื่อทานง่ายขึ้น ก็สามารถทำได้ค่ะ
แนะนำ ทานได้ค่ะ ช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์และให้นม ร่างกายต้องการแคลเซียม ช่วงตั้งครรภ์ ต้องใช้แคลเซียมสร้างกระดูกและฟันของลูก ช่วงให้นม ต้องใช้แคลเซียม สร้างน้ำนม
ถ้าขาดแคลเซียม ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกคุณแม่มาใช้ก่อน ทำให้มวลกระดูกคุณแม่บางลง เสี่ยงต่อกระดูกพรุนในอนาคต สัญญาณเตือนว่า ร่างกายเริ่มขาดแคลเซียม เช่น ปัญหาที่กระดูกและฟัน, ปวดตามร่างกายอาการชา แขน ขา, ตะคริว เป็นต้น และโดยปกติแล้ว คุณหมอที่ รพ.จะจ่ายแคลเซียมให้คุณแม่ทานเสริม แต่เป็นแคลเซียมรุ่นเก่า (ดูดซึมน้อย , มีส่วนที่ไม่ดูดซึมคือหินปูน)
ข้อสังเกต !! ข้างกล่องบรรจุภัณฑ์มีข้อความระบุว่า “เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน”
ข้อความนี้เป็นเพียงข้อบังคับกฎหมาย อย.ไทย ในทุกๆผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มีความระมัดระวัง
สังเกตผลิตภัณฑ์ที่หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตรทานได้ ไม่ว่าจะเป็น folic, วิตามินซี ที่ซื้อกันได้ทั่วไป ในประเทศไทยต้องระบุข้างขวดหรือกล่องผลิตภัณฑ์ แบบนี้ทุกผลิตภัณฑ์ และเพื่อความสบายใจ คุณลูกค้าสามารถนำข้อมูลไปปรึกษาแพทย์ประจำตัวได้อีกครั้งค่ะ
ENEL Calmag
- 1 เม็ด มีแคลเซียมแอลทรีโอเนต จากข้าวโพด non-gmo 950 มิลลิกรัม/เม็ด
- สารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อระบบกระดูกและข้อรวม 13 ชนิด ตามอ้างอิงจากงานวิจัยสากล ที่รวบรวมโดย ภญ.มหิดล
แต่ถ้าต้องการทราบปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้จริง อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมจะต้องเป็นรูปแบบสารประกอบ ไม่สามารถอยู่ในรูปที่เป็นแร่ธาตุอิสระได้ จะต้องมีตัวนำพา การระบุปริมาณแคลเซียมหลังกล่องผลิตภัณฑ์นั้นจะระบุเป็นรูปแบบสารประกอบ เช่น แคลเซียมส่วนใหญ่ในท้องตลาด คือ แคลเซียมคาร์บอเนต (เกิดจากแคลเซียม + คาร์บอเนต (หินปูน) ) จะให้ปริมาณแคลเซียม 40% และในขั้นตอนการดูดซึมสุดท้าย สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ 10% นั่นคือ ถ้าแคลเซียมคาร์บอเนต 1,000 มก. ร่างกายได้รับแคลเซียมจริงๆ 40 มก.
ENEL Calmag แคลเซียมแอลทรีโอเนต จากข้าวโพด (แคลเซียม + แอลทรีโอเนต)
จะให้ปริมาณแคลเซียม 13%-15% และในขั้นตอนสุดท้ายดูดซึมได้หมด (จากงานวิจัยสากลและผลจาก European Food Safty Autority (EFSA) ) นั่นคือ ถ้าแคลเซียมแอลทรีโอเนต 950 มก. ร่างกายได้รับแคลเซียมจริงๆ 123 -143 มก.
สรุปได้ว่า แคลเซียมแอลทรีโอเนต ให้ปริมาณแคลเซียมอิสระที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายสูงที่สุด เมื่อเทียบกับแคลเซียมทั่วไป และเป็นแคลเซียมชนิดเดียว ที่มีประโยชน์ในด้านการสร้างคอลลาเจน ของกระดูก เอ็น ไขข้อ เนื่องจากมีแอลทรีโอเนต ซึ่งเป็น actiive metabolite ของวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีใน ในกระบวนการสร้างคอลลาเจนของระบบกระดูกค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง โดย ภญ.มหิดล อ่านได้ที่
https://www.enelthailand.com/2021/09/18/how-to-eat-calcium/
เด็ก ขนาดรับประทานสำหรับเด็ก ใช้หลักทางการแพทย์ ดังนี้
- อายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป ทานวันละ 1 เม็ด
- อายุต่ำกว่า 12 ปี แต่น้ำหนัก28 กิโลหรือมากกว่า ทานวันละ 1 เม็ด
- อายุต่ำกว่า 12 ปี น้ำหนักต่ำกว่า 28 กิโลกรัม ทานวันละ ครึ่งเม็ด
❤️ สำหรับเด็กเล็ก หรือเด็กที่กลืนยาก แนะนำการหักแบ่งเม็ด โดยนำเม็ดจุ่มน้ำสะอาดเพื่อให้นิ่ม หักง่ายขึ้น แล้วอาจบดเม็ดก็ได้ รสชาติไม่ขม ผสมน้ำผลไม้ หรือนม เพื่อทานง่ายขึ้น ก็สามารถทำได้ค่ะ
ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร วันละ 1-2 เม็ด ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพและความต้องการบำรุง เช่น ถ้าบำรุงทั่วไป ทานวันละ 1 เม็ด แต่ถ้าปวดกระดูก ปวดข้อ ปวดเข่า กระดูกพรุน กระดูกเสื่อม กระดูกหัก ทานวันละ 2 เม็ดได้ (อ่านวิธีทานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในหัวข้อวิธีทาน หรือเอกสารวิธีทานที่จัดส่งให้คุณลูกค้าพร้อมสินค้า)
ผลิตภัณฑ์ทุกรายการของแบรนด์ ENEL(เอเนล) ผลิตจากอาหารธรรมชาติ จริงๆ ปลอดภัยมากค่ะ ทานได้ปกติ ยกตัวอย่าง ที่เป็นกันมาก เช่น โรคความดัน ,เบาหวาน, ไขมัน ไทรอยด์,เก๊าต์ , รูมาตอยด์ เป็นต้น ทานได้ ไม่มีผลต่อโรค แต่กลับเป็นข้อดีในการดูแลสุขภาพอีกด้วย
สำหรับข้อห้ามทานนั้น ขอให้ยึดตามหลักการเหมือนอาหารเสริมทั่วไป เป็น general ดังนี้ค่ะ คือ
- มะเร็ง กำลังอยู่ในช่วงรักษา เช่น ฉายแสง,ทำคีโม (ถ้าผ่านการรักษามะเร็งมาแล้ว ใช้ชีวิตได้ปกติประจำวัน สามารถทานอาหารเสริมENEL ได้ปกติเหมือนคนทั่วไปค่ะ )
- โรคไต ซึ่งอยู่ในภาวะฉุกเฉิน แพทย์ต้องเฝ้าดูอาการใกล้ชิด และห้ามทานอาหารเสริมใดๆเลย หรืออัตราการกรองของไตน้อยกว่า 30 (แต่ผลิตภัณฑ์ของ ENEL ทุกตัว ค่อนข้างปลอดภัยกับตับ ไต อยู่แล้ว เพราะ สารอาหารธรรมชาติ , ปริมาณอยู่ในช่วง RDA , ปริมาณไม่เกิน UL )
Recommended Dietary Allowances (RDA) คือ ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน และไม่เกิน Tolerable Upper Intake Level (UL) คือ ปริมาณสารอาหารสูงสุด ที่ไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย ต่อวัน
ยกตัวอย่าง ใน enel calmag ใช้ vitamin D ที่อยู่ในรูป previtamin หรือ active form พร้อมใช้ ไม่ต้องผ่านตับ ไต ก่อน เราใช้คำนึงถึงผู้สูงอายุ ผู้ที่การทำงานของตับ ไต แย่ลง โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคไต (วิตามินดีในท้องตลาดส่วนใหญ่ต้องผ่านตับ ไต ก่อน จึงจะทำงานได้)
ภาวะฉุกเฉินต่างๆ ที่ทางการแพทย์ให้อยู่ในระหว่างรักษาตัว เช่น ความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤต ต้องเข้าห้อง icu
ในรายละเอียดวิธีทานนั้น มีคำแนะนำเบื้องต้นที่ระบุว่า ไม่ควรทานพร้อมอะไรบ้าง คุณลูกค้าสามารถอ่านได้ที่หัวข้อวิธีทาน หรือเอกสารวิธีทานที่จัดส่งให้คุณลูกค้าพร้อมสินค้าค่ะ
**หากมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทานหลายตัว เช่น วิตามินซี ,คอลลาเจน, และอื่นๆ แล้วไม่มีลิสต์รายการที่ไม่ควรทานพร้อมกัน แนะนำการแบ่งทานครั้งละ 2-3 ชนิด เพื่อการดูดซึมที่ดีของสารอาหาร
** ควรสอบถามกับผู้ผลิต ในเรื่องวิธีทานด้วยว่า ไม่ควรทานพร้อมอะไร เพราะอาจมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่นอกเหนือ หรือรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ผู้ผลิตเท่านั้นที่ทราบ
ตามคำแนะนำ การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไป ควรทานห่างจากยา ประมาณอย่างน้อย 2 ชม. เพื่อการดูดซึมที่ดีของสารอาหารและไม่รบกวนยา ถึงแม้ว่ายาบางตัว จะไม่มีข้อมูลหรือไม่มีผลต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเมื่อทานพร้อมกัน แต่ยามีหลายชนิด ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ เพื่อผลดีต่อคุณลูกค้าเอง แนะนำทานห่างจากยาประมาณอย่างน้อย 2 ชม.